เนื่องจากขณะนี้ประเทศไทยได้เปิดกัญชาเสรี ทำให้กัญชาถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลาย ซึ่งกัญชา และคาเฟอีน หากใช้ไม่ถูกวิธีหรือใช้ในปริมาณที่มากเกินไปอาจทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะได้ ซึ่งหัวใจเต้นผิดจังหวะเกิดจากความผิดปกติของการกำเนิดกระแสไฟฟ้าหัวใจ หรือความผิดปกติของการนำไฟฟ้าหัวใจ หรือความผิดปกติของการนำไฟฟ้าหัวใจ และการกำเนิดกระแสไฟฟ้าหัวใจร่วมกัน ส่งผลให้หัวใจเต้นช้ากว่าปกติ คือน้อยกว่า 60 ครั้งต่อนาที หรือหัวใจเต้นเร็วกว่าปกติ คือ มากกว่า 100 ครั้งต่อนาที หรือหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะสม่ำเสมอ เต้น ๆ หยุด ๆ ซึ่งในผู้ป่วยโรคหัวใจหากหัวใจเต้นผิดจังหวะอาการ และความรุนแรงจะมากกว่าต้องรีบตรวจรักษาทันที
ที่มา: leafly.com
ปัจจัยเสี่ยงหัวใจเต้นผิดจังหวะ สามารถเกิดได้จากปัจจัยภายนอกหัวใจ และหลอดเลือด อาทิ ภาวะติดเชื้อ มีไข้สูง, ภาวะขาดน้ำ เช่น ท้องเสียรุนแรง เสียเลือดมาก, พักผ่อนไม่เพียงพอ, ภาวะเครียด, รับประทานยาที่มีฤทธิ์กระตุ้นหัวใจ เช่น ยาลดน้ำมูก, เสพกัญชาในปริมาณที่ไม่เหมาะสม, ดื่มเครื่องดื่มที่มีฤทธิ์กระตุ้นหัวใจ เช่น ชา กาแฟ น้ำอัดลม เป็นต้น ในส่วนของปัจจัยภายในหัวใจ และหลอดเลือด อาทิ กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน, ผนังกล้ามเนื้อหัวใจหนาตัวผิดปกติ, โรคลิ้นหัวใจ, โรคความดันโลหิตสูง, ภาวะไฟฟ้าลัดวงจรในห้องหัวใจ, ภาวะหัวใจห้องบนสั่นพลิ้ว เป็นต้น
ที่มา: newsroom.unsw.edu.au
กัญชา คาเฟอีน ใช้ไม่ถูกวิธีเสี่ยงหัวใจเต้นผิดจังหวะ
กัญชากับหัวใจเต้นผิดจังหวะ
สารสกัดจากกัญชามี 2 ชนิดหลัก ได้แก่ THC มีส่วนช่วยในการนอนหลับ การเบื่ออาหาร การปวดเรื้อรัง แต่ต้องใช้อย่างระมัดระวัง เพราะส่งผลต่อสมอง ทำให้เกิดความมึนเมาได้ และ CBD ช่วยลดการอักเสบของผิวหนัง และเป็นสารต้านฤทธิ์เมาของ THC
ผลข้างเคียงของการใช้กัญชา คือ หากใช้ปริมาณมากเกินไปจะทำให้หัวใจเต้นเร็วผิดปกติหรือเต้นเร็วผิดจังหวะรุนแรงได้ โดยเฉพาะในผู้ที่มีหลอดเลือดหัวใจตีบอยู่ก่อนแล้วสารในกัญชาจะกระตุ้นให้เกิดหลอดเลือดหัวใจหดตัวรุนแรง ทำให้เกิดกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันได้ นอกจากนี้ในผู้ที่มีโรคประจำตัวจะต้องระมัดระวัง และปรึกษาแพทย์ก่อนใช้กัญชาเพราะโรคประจำตัวในแต่ละบุคคลมีความซับซ้อน และอาจต้องใช้ยาหลายชนิดในเวลาเดียวกันหากใช้กัญชาอาจมีผลกับยาอื่นที่กำลังใช้อยู่ได้
ที่มา: health.harvard.edu
คาเฟอีนกับหัวใจเต้นผิดจังหวะ
คาเฟอีนช่วยให้ร่างกายตื่นตัวจึงได้รับความนิยมอย่างมาก แต่หากใช้คาเฟอีนมากเกินไปจะส่งผลต่อการทำงานของหัวใจ เพราะกระตุ้นการหลั่งสารอะดรีนาลีนที่ส่งผลให้หัวใจบีบตัวแรง และเร็วขึ้น มีอาการใจสั่น หงุดหงิด กระวนกระวายใจ หัวใจเต้นแรงเร็วขึ้น ส่งผลเสียต่อร่างกายในระยะยาวได้ ซึ่งการบริโภคคาเฟอีนที่เหมาะสมจึงเป็นเรื่องสำคัญในผู้ใหญ่ไม่ควรเกิน 400 มิลลิกรัมต่อวันเทียบเท่ากาแฟ 3 – 4 ถ้วยต่อวัน ทั้งนี้ต้องคำนึงถึงการบริโภคเครื่องดื่มหรืออาหารชนิดอื่นที่มีคาเฟอีนผสมอยู่ด้วยในแต่ละวัน
ที่มา: verywellmind.com
คำแนะนำในการใช้กัญชาให้เหมาะสมในการปรุงอาหาร
การใช้กัญชาในการปรุงอาหาร สามารถใช้ได้ไม่เกิน 2 ใบต่อเมนู และไม่ควรเกิน 4 ใบต่อวัน ไม่แนะนำให้ใช้ในเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี ห้ามใช้ในสตรีมีครรภ์ สตรีที่ให้นมบุตร แม้กัญชาจะสามารถนำมาใช้เพื่อบรรเทาอาการเบื่ออาหาร นอนไม่หลับ ปวดเรื้อรัง ผิวหนังอักเสบได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้การประเมิน และดูแลโดยแพทย์เท่านั้น ทั้งนี้หลังใช้กัญชาไปแล้ว 6 ชั่วโมง ไม่ควรขับรถหรือใช้เครื่องจักร เพราะจะมีอาการปากแห้ง คอแห้ง ใจสั่น ซึม มึนงง ง่วงนอน ประมาณ 3 – 4 วัน แต่ไม่เกิน 7 วัน แต่หากมีอาการรุนแรง เช่น อาเจียน หัวใจเต้นเร็ว เจ็บแน่นหน้าอก เวียนศีรษะ หูแว่ว เห็นภาพหลอน ควรรีบพบแพทย์ทันที
คำแนะนำในการบริโภคคาเฟอีน
คาเฟอีนถ้าได้รับในปริมาณที่ไม่เหมาะสมก็จะส่งผลต่อการทำงานของหัวใจได้ เพราะกระตุ้นการหลั่งสารอะดรีนาลีนที่ส่งผลให้หัวใจบีบตัวแรง และเร็วขึ้น มีอาการใจสั่น หงุดหงิด กระวนกระวายใจ หัวใจเต้นแรง และเร็วขึ้น ส่งผลเสียต่อร่างกายในระยะยาวได้ การบริโภคคาเฟอีนที่เหมาะสมจึงเป็นเรื่องสำคัญ ในผู้ใหญ่ไม่ควรเกิน 400 มิลลิกรัมต่อวัน เทียบเท่ากับกาแฟ 3 – 4 ถ้วยต่อวัน ดังนั้น จึงต้องคำนึงถึงการบริโภคเครื่องดื่มหรืออาหารชนิดอื่นที่มีคาเฟอีนผสมอยู่ด้วยในแต่ละวัน โดยกาแฟ 1 ถ้วย จะมีระดับคาเฟอีนอยู่ที่ 100 มิลลิกรัม น้ำชา 1 ถ้วย ระดับคาเฟอีน 75 มิลลิกรัม โค้ก 1 กระป๋อง ระดับคาเฟอีน 40 มิลลิกรัม และในเครื่องดื่มชูกำลัง 1 กระป๋อง จะมีระดับคาเฟอีนอยู่ที่ 80 มิลลิกรัม
ที่มา: boldbusiness.com
สรุป
การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์กัญชาต้องใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการอาหาร และยา (อย.) เท่านั้นสำหรับผลิตภัณฑ์ยาต้องใช้เมื่อมีอาการ และให้เหมาะสมกับอาการเจ็บป่วย ส่วนผลิตภัณฑ์อาหาร สมุนไพรจะใช้เพื่อดูแลสุขภาพ ป้องกันการเจ็บป่วย ต้องศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดก่อนใช้งาน และห้ามนำช่อดอกมาใช้ด้วยตนเอง
ในส่วนของการบริโภคคาเฟอีน ก็ควรบริโภคแต่พอดีในแต่วัน ซึ่งในผู้ใหญ่ไม่ควรเกิน 400 มิลลิกรัมต่อวัน เทียบเท่ากับกาแฟ 3 – 4 ถ้วยต่อวัน ดังนั้น ในการบริโภคเครื่องดื่มหรืออาหารชนิดอื่นที่มีคาเฟอีนผสมอยู่ด้วยในแต่ละวัน จะต้องดูให้ดี เพื่อไม่ให้กินเกินที่แต่ละวันกำหนด เพราะอาจจะส่งผลให้หัวใจบีบตัวแรง และเร็วขึ้น มีอาการใจสั่นได้
เกี่ยวกับ Ricco
บริษัท ริคโค จำกัด เริ่มดำเนินธุรกิจเมื่อปี พ.ศ. 2539 เราให้บริการออกแบบ และผลิตสื่อสิ่งพิมพ์ทุกชนิด ด้วยเครื่องพิมพ์ระบบ Offset และ Digital ที่ทันสมัยที่สุด สามารถรองรับงานพิมพ์ได้หลากหลายประเภท เรามีความเป็นมืออาชีพและครบวงจรทางด้านสื่อสิ่งพิมพ์ (One Stop Service) ด้วยประสบการณ์มากกว่า 24 ปี ทำให้เราสร้างสรรค์งานพิมพ์คุณภาพอยู่เสมอ
ทั้งนี้เรายังมีบริการป้อนข้อมูลหรือบริการคีย์ข้อมูลใบสมัคร แบบฟอร์มต่างๆ บริการจัดการ ปรับปรุง แก้ไข ตรวจสอบฐานข้อมูลเพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลที่มีอยู่ยังคงเป็นข้อมูลที่สมบูรณ์ บริการตรวจสอบข้อมูลตามเงื่อนไข การตลาดทางตรงในรูปแบบสื่อสิ่งพิมพ์ สามารถเจาะจงลูกค้าเฉพาะกลุ่ม ซึ่งเราจะสร้างความพึงพอใจแก่ลูกค้า เพื่อให้เป็นโรงพิมพ์ที่ลูกค้าไว้วางใจ